Hot News
January 2011 ความรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นปีใหม่
ความรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นปีใหม่
ในอดีตตามปฏิทินโบราณของชาวโรมัน วันปีใหม่ไม่ใช่วันที่ 1 มกราคมแต่เป็นวันที่ 1 มีนาคมซึ่งปฏิทินดั้งเดิมของชาวโรมันนั้นมีแค่ 10 เดือน และเดือนมีนาคมเป็นเดือนแรกของปี ซึ่งปฏิทินดั้งเดิมของชาวโรมันจะนับตามการโคจรของ
ดวงจันทร์ โดยเริ่มจากฤดูใบไม้ผลิ จนถึงสิ้นฤดูใบไม้ร่วง
สำหรับการเฉลิมฉลองปีใหม่เริ่มขึ้นครั้งแรกในยุคเมโสโปเตเมียเมื่อประมาณสองพันปีที่แล้วในช่วงเวลา Vernal Equinox* ประมาณกลางเดือนมีนาคมในฤดูใบไม้ผลิ
ต่อมาชาวอียิปต์ เปอร์เซีย และเฟนีเชียนเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ของตนในช่วงเวลา Fall Equinox หรือ Autumnal Equinox ประมาณกลางเดือนกันยายนในฤดูใบไม้ร่วง
ส่วนชาวกรีกเฉลิมฉลองตาม Winter Solstice หรือวันที่มีกลางวันสั้นที่สุด ทางซีกโลกเหนือ ซึ่งก็คือช่วง 22 ธ.ค. ถึง 5 ม.ค. นั่นเอง
มีตำนานเล่ากันว่าในยุคของ "Numa Pompilius" กษัตริย์องค์ที่ 2 ของโรมันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการแบ่งเดือนใหม่ โดยเพิ่มเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เข้าไป แต่ชาวโรมส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับและยังเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในวันที่
1 มีนาคมกันต่อไป จนเมื่อถึงยุคของ "Julius Caesar" เมื่อ 46 ปีก่อนคริสตศักราช จึงมีการเปลี่ยนวันแรกของปีเป็นวันที่ 1 มกราคม
ความเชื่อเกี่ยวกับปีใหม่ของประเทศต่างๆ
อังกฤษ ชาวอังกฤษมีความเชื่อว่าผู้ชายคนแรกที่มาเยือนบ้านหลังจากเที่ยงคืนจะนำความโชคดีมาให้ โดยปกติแล้วชาวอังกฤษมักจะให้ของขวัญอย่างเช่น เงิน ขนมปังหรือก้อนถ่าน เพื่อเป็นการอวยพรให้ครอบครัวนั้นมีสิ่งของอย่าง
อุดมสมบูรณ์ตลอดปี แต่ผู้ที่มาคนแรกนั้นจะต้องไม่ใช่คนผมสีบลอนด์ ผมสีแดง หรือเป็นผู้หญิง เพราะเชื่อว่าคนเหล่านี้จะนำความโชคร้ายมาให้
สหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันนิยมรับประทานถั่วตาดำ (Black-Eyed Pea) เพราะถั่วชนิดนี้เมื่อปรุงสุกแล้วจะมีสีและรูปร่างเหมือนเหรียญเงินจึงเชื่อว่าจะนำความร่ำรวยมาให้
อิตาลี ชาวอิตาเลียนจะรับประทานถั่ว Lentil เนื่องจากถั่วชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายเหรียญเงินจึงเชื่อว่าจะนำความร่ำรวยมาให้
สเปน ชาวสเปนจะรับประทานองุ่น 12 ผลพร้อมกับเสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนในวันสิ้นปี เพื่อต้อนรับความโชคดีตลอด 12 เดือนข้างหน้า
เนเธอร์แลนด์ นิยมรับประทานโดนัทเพราะเชื่อว่าวงกลมแบบวงแหวนนั้นจะทำให้ชีวิตครบถ้วนบริบูรณ์เหมือนรูปร่างของโดนัท
เดนมาร์ก ชาวเดนิชเชื่อกันว่า ถ้าบ้านไหนมีเศษจานแตกกองสุมอยู่หน้าประตูบ้านเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าบ้านนั้นมีเพื่อนฝูงคบหาสมาคมมากมาย เพราะชาวเดนิชจะเก็บสะสมจานไว้ตลอดปี และจะนำไปขว้างที่หน้าบ้านเพื่อน
ของพวกเขาในวันก่อนปีใหม่
บราซิล ชาวบราซิลเชื่อว่า ซุปถั่วแขก (Lentil Soup) เป็นเครื่องแสดงความมั่งคั่ง ดังนั้นในวันแรกของปี ชาวบราซิลจะทำซุปถั่วแขกรับประทานกันหรือจะรับประทานถั่วแขกกับข้าว
ศรีลังกา จะเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ในวันที่ 13 หรือ 14 เมษายนตามปฏิทินของฮินดู ผู้คนที่นั่นจะทำความสะอาดบ้านช่องในช่วงก่อนถึงวันปีใหม่ บางบ้านอาจจะทาสีบ้านใหม่ หรือเตรียมทำของหวานหลายชนิดเพื่อรับประทาน
ในวันปีใหม่ เพราะชาวศรีลังกาจะไม่ทำอาหารหรือจุดไฟในคืนก่อนวันปีใหม่ และพวกเขาจะรับประทานข้าว Pongal เป็นมื้อแรกของวันปีใหม่ ซึ่งเป็นอาหารที่ทำจากข้าว ผสมน้ำตาล และมะพร้าว มีรสชาติหวาน
ญี่ปุ่น วันปีใหม่จะถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของครอบครัว ร้านรวงต่างๆ รวมไปถึงสำนักงานและโรงงานจะปิดทำการในวันนั้น ผู้คนมักจะไปไหว้พระขอพรตามวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ เด็กๆ หรือวัยรุ่น ตามวัดต่างๆ เมื่อย่างเข้าวันปีใหม่
จะเริ่มตีระฆัง 108 ครั้ง เพื่อปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด 108 อย่างจากปีก่อนให้หมดไป ซึ่งเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "โจยะโนะคาเนะ" และเมื่อเริ่มปีใหม่ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการหัวเราะจะเป็นการทำให้พวกเขาโชคดีในปีใหม่อีกด้วย และ
จะทานบะหมี่ไม่ตัดเส้นที่เรียกว่า "โทชิโคชิ โซบะ" เพราะเชื่อว่าจะทำให้อายุยาวเหมือนเส้นบะหมี่
จีน ชาวจีนนิยมรับประทานปลาและไก่ทั้งตัวในปีใหม่ เพราะคำว่า "ปลา" พ้องเสียงตรงกับคำว่า "เหลือเฟือ" ในภาษาจีน โดยจะรับประทานไก่ทั้งตัวโดยไม่ตัดส่วนใดออกเพราะเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตครบถ้วนสมบูรณ์และมั่งคั่ง
ไทย ชาวไทยถือว่าวันขึ้นปีใหม่คือช่วงสงกรานต์ จะนิยมรับประทานทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เพราะเชื่อเรื่องโชคลาภและความมั่งมี
ที่มา
-http://www.praphansarn.com/new/c_town/detail.asp?id=65
*Equinox คือปรากฏการณ์ที่แสงจากดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรพอดี ทำให้เกิดกลางวันและกลางคืนที่ยาวเท่ากัน หนึ่งปีจะเกิดสองครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคม (March Equinox) และกันยายน (September Equinox) ซึ่ง
ปรากฏการณ์นี้จะเป็นจุดแบ่งฤดูกาลของซีกโลกเหนือและใต้โดย
March Equinox ซีกโลกเหนือจะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและซีกโลกใต้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
September Equinox ซีกโลกใต้จะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง